8 อันดับ ซีอิ๊วขาว ที่ซื้อแล้วไม่ผิดหวัง อัพเดทล่าสุดปี 2567

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้บัญญัติความหมายของทั้งซีอิ๊วขาวและซอสปรุงรสเอาไว้ว่า เป็นผลิตภัณฑ์ของเหลวที่ได้จากการย่อยสลายโปรตีนของถั่วเหลือง โดยถูกนำมาหมักด้วยกรรมวิธีที่เหมาะสม ซึ่งเครื่องปรุงทั้งสองชนิดมีวิธีการย่อยสลายที่แตกต่างกันออกไป สำหรับ "ซอสปรุงรส" จะเกิดจากการใช้กรดหรือสารเคมีเข้มข้นเพื่อย่อยสลายโปรตีน ทำให้ของเหลวที่ได้มีสีดำเข้ม มีรสเค็มแหลม กลิ่นแรง นิยมใช้ในการเหยาะหรือจิ้มเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับอาหารหรือใช้เพื่อหมักเนื้อสัตว์

ส่วน "ซีอิ๊วขาว" เกิดจากการนำถั่วเหลืองต้มสุกทั้งเมล็ด ไปผสมกับแป้งสาลีแล้วหมักด้วยจุลินทรีย์ ก่อนนำไปเก็บไว้ในพื้นที่ที่มีการควบคุมความชื้น ความสะอาดและอุณหภูมิ จนเกิดกระบวนการย่อยสลายโปรตีนของถั่วเหลืองตามธรรมชาติ ของเหลวที่ได้จะมีสีดำใส รสเค็มกลมกล่อม มีกลิ่นของถั่วเหลืองชัดเจน นิยมนำไปใช้ในการประกอบอาหารประเภทต้ม ผัด แกง นึ่งหรือใช้เพื่อหมักเนื้อสัตว์

แม้ว่าเครื่องปรุงทั้งสองชนิดจะมีวัตถุดิบตั้งต้นเหมือนกัน แต่ด้วยกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ซีอิ๊วขาวและซอสปรุงรสมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ผู้บริโภคอาจมีความชื่นชอบในตัวผลิตภัณฑ์แตกต่างกันออกไปด้วยนั่นเองค่ะ

ก่อนจะเลือกซื้อซีอิ๊วขาวสักขวดเพื่อการทำอาหาร คุณอาจไม่ได้จุกจิกในวิธีการเลือก แต่หากลองเลือกใช้ให้ถูกต้องตามประเภทแล้วล่ะก็ รับรองได้เลยค่ะว่า มื้ออาหารของคุณจะออกมาอร่อยกว่าที่เคยอย่างแน่นอน

ในขั้นตอนการผลิตซีอิ๊วขาว เมื่อเรานำเมล็ดถั่วเหลืองต้มสุกมาคลุกกับแป้งสาลี ต่อด้วยการเติมเชื้อจุลินทรีย์แล้ว เราจะต้องนำส่วนผสมดังกล่าวไปพักไว้ในสภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุมเพื่อทำการบ่ม เมื่อเวลาผ่านไป 24 ชั่วโมง ส่วนผสมเหล่านั้นจะเกิดใยราสีขาวขึ้นปกคลุม จากนั้นจึงทำการบ่มต่ออีกเป็นเวลา 3-4 วัน จนใยราสีขาวมีการสร้างสปอร์สีเขียวเหลืองขึ้นมา เราจะเรียกผลิตผลที่ได้ในขั้นตอนนี้ว่า โคจิ (Koji)

ต่อมาจะเข้าสู่ขั้นตอนการทำ โมโรมิ (Moromi) โดยการเติมน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดลงไปผสมกับโคจิ (Koji) ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะต้องหมักส่วนผสมเหล่านี้ทิ้งเอาไว้ ระยะเวลาขึ้นอยู่กับการควบคุมสภาพแวดล้อม หากปล่อยไว้ตามธรรมชาติ จะต้องใช้ระยะเวลาในการหมักราว ๆ 1 ปี ยิ่งหมักเอาไว้นานมากเท่าไหร่ ซีอิ๊วที่ได้ก็ยิ่งมีรสชาติและกลิ่นที่ดีมากเท่านั้น แต่ถ้าหากมีการควบคุมสภาพแวดล้อมให้มีความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อ ก็จะสามารถย่นระยะเวลาในการหมักลงได้

เมื่อระยะเวลาในการหมักสิ้นสุดลง ซีอิ๊วขาวจะถูกแยกออกจากโมโรมิ (Moromi) ผ่านการกรองและจะมีกากถั่วเหลืองเป็นของเหลือ เราสามารถนำกากถั่วเหลืองไปผสมกับเกลือแล้วหมักอีกรอบได้ ซีอิ๊วที่ได้จากการหมักรอบแรกจะมีชื่อเรียกว่า ซีอิ๊วขาวสูตร 1 ซึ่งจะมีราคาที่สูงกว่าซีอิ๊วขาวสูตรอื่น ๆ เพราะเป็นซีอิ๊วขาวที่คุณภาพดีที่สุด ยิ่งใช้เวลาในการหมักนานเท่าไร คุณภาพและราคาก็ยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น ส่วนซีอิ๊วขาวที่ถูกหมักตั้งแต่รอบที่สองเป็นต้นไป จะมีชื่อเรียกว่า ซีอิ๊วขาวสูตร 2 หรือสูตร 3 สูตร 4 ไปเรื่อย ๆ ตามจำนวนครั้งในการหมัก ยิ่งจำนวนครั้งมากเท่าไร คุณภาพและราคาก็ยิ่งต่ำลงมากเช่นเดียวกัน

เห็ดหอม หรือ เห็ดชิตาเกะ (Shiitake) เป็นวัตถุดิบชนิดหนึ่งที่ผู้คนนิยมใช้เพื่อปรุงอาหาร เพราะมีสัมผัสที่นุ่มนิ่ม รับประทานง่าย มีกลิ่นหอมหวนเฉพาะตัว สามารถช่วยชูรสของอาหารให้โดดเด่นได้เป็นอย่างดี ผู้ผลิตซอสซีอิ๊วจึงเล็งเห็นประโยชน์ตรงจุดนี้ แล้วเลือกนำเห็ดหอมมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนในการหมักซอสถั่วเหลือง จนได้ออกมาเป็นซีอิ๊วขาวสูตรเห็ดหอมที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์และรสชาติกลมกล่อมเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับผู้ที่เบื่อซีอิ๊วขาวแบบเดิม ๆ หรือต้องการกลิ่นหอมที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น

นอกจากรสชาติและกลิ่นหอมที่ไม่เหมือนใครแล้ว ซีอิ๊วขาวเห็ดหอมยังอุดมด้วยประโยชน์ต่าง ๆ ที่ได้จากเห็ดหอมอีกด้วย เพราะในเห็ดหอมมีสารเบต้ากลูแคน (Beta-Glucan) ช่วยกระตุ้นการทำงานต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้สุขภาพแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีสารอิริตาดีนีน (Eritadenine) และสารสเตอรอล (Sterol) ที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่ใช้สร้างคอเรสเตอรอลและดูดซึมคอเรสเตอรอล ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายได้ มีวิตามิน D ที่ช่วยในการดูดซึมฟอสฟอรัส ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง เห็ดหอมที่ทั้งดีแล้วก็มีคุณค่าทางสารอาหารสูงขนาดนี้ ไม่แปลกเลยนะคะที่จะได้ชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับคนจีน

ซีอิ๊วขาวช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี เหล่าคุณแม่จึงมักใช้ซีอิีวขาวปรุงอาหาร เพื่อแก้ปัญหาลูกน้อยไม่ยอมทานข้าว แต่หากเด็กยังอายุไม่มาก ก็ควรระมัดระวังเรื่องปริมาณโซเดียมในอาหาร เพราะไตของเด็กยังไม่มีความสามารถในการขับโซเดียมออกจากร่างกายได้ดีพอ เช่นเดียวกันผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับไต เพราะจะมีความสามารถในการขจัดโซเดียมไม่ได้ดีเท่าคนปกติ ฉะนั้น การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูงจะทำให้ร่างกายเกิดการสะสมโซเดียมได้ เป็นเหตุให้มีอาการง่วงซึม การขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ ความดันโลหิตสูง ปากแห้ง ตาแห้ง คลื่นไส้และอาเจียน จึงควรควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหารอย่างเคร่งครัด

ปัจจุบัน ซีอิีวขาวสูตรโซเดียมต่ำจึงกลายเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภค ที่ต้องการจำกัดปริมาณโซเดียมในการรับประทานอาหารต่อวัน เพราะนอกจากจะทำให้เจริญอาหารแล้วยังดีต่อสุขภาพอีกด้วยค่ะ

เนื่องจากในกรรมวิธีการผลิตซีอิ๊วขาว เดิมจะต้องนำถั่วเหลืองต้มสุกไปคลุกกับแป้งสาลี ทำให้ผู้บริโภคที่มีอาการแพ้แป้งต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานซีอิ๊วขาว แต่การหลีกเลี่ยงนั้นก็เป็นไปได้ยากมาก หากไม่ได้มีการทำอาหารรับประทานเองทุก ๆ วัน เพราะอาหารตามท้องตลาดส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีส่วนผสมของซีอิ๊วขาวแทบทั้งสิ้น หรือถึงแม้จะทำอาหารด้วยตนเอง ก็อาจจะทำให้รู้สึกเบื่อรสชาติเดิม ๆ ที่ทานเป็นประจำได้

ต่อมา จึงได้มีผู้ผลิตซีอิ๊วขาวบางยี่ห้อทำการผลิตสูตรกลูเตนฟรีขึ้นมา เพื่อรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะจะช่วยให้ผู้บริโภคที่มีอาการแพ้แป้งได้มีทางเลือกในการรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้น

ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วนะคะ ที่เราจะมาจัดอันดับซีอิ๊วขาว 10 ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมในหมู่คนไทยเรา หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงจะเริ่มคาดเดาถึงยี่ห้อต่าง ๆ ที่น่าจะติดอันดับกันบ้างแล้วใชไหมล่ะคะ? มาดูกันดีกว่าค่ะว่า จะมียี่ห้อที่คุณใช้อยู่ใน 10 อันดับหรือเปล่า

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยสงสัยกันใช่ไหมล่ะคะว่า ทำไมซอสถั่วเหลืองที่มีลักษณะเป็นของเหลวสีดำ จึงถูกตั้งชื่อว่า 'ซีอิ๊วขาว' ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีสีขาวเลยสักนิด ทางผู้เขียนมีคำตอบเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ !

หากพูดถึงซอสถั่วเหลืองหรือซีอิ๊วแล้วล่ะก็ เราจะพบว่าไม่ได้มีเพียงซีอิ๊วขาวแค่ชนิดเดียวเท่านั้น แต่ยังมีซีอิีวอีก 3 ชนิดที่แตกต่างกัน ได้แก่ ซีอิ๊วดำ, ซีอิ๊วดำเค็ม และ ซีอิ๊วดำหวาน ซึ่งทั้งสามตัวมีการใช้วัตถุดิบตั้งต้นที่เหมือนกันก็คือ ซีอิ๊วขาว นั่นเองค่ะ ในกระบวนการผลิตจะทำโดยการนำซีอิ๊วขาวไปเพิ่มระยะเวลาในการหมัก เพื่อให้ได้สีและรสที่เข้มข้นขึ้นจากเดิม หรือไม่ก็ใช้การปรุงแต่งรสชาติเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รสเค็มหวานตามความต้องการ ผลิตภัณฑ์ที่ได้ออกมาจึงมีรสชาติที่เข้มข้นกว่าและมีสีสันที่ดำเข้มมากกว่าเดิม และได้ชื่อว่า "ซีอิ๊วดำ" ซึ่งสื่อให้เห็นถึงการเพิ่มเสริมเติมแต่งเข้าไป ในขณะที่ซีอิ๊วขาวมีรสสัมผัสที่กลมกล่อม ไม่คมเข้มจนเกินไปและเป็นของเหลวที่เป็นสีน้ำตาลดำใส แสดงให้เห็นถึงความไม่เติมแต่งสิ่งใด ๆ ลงไป จึงได้ชื่อว่า "ซีอิ๊วขาว" นั่นเอง

ทุกคนคงหายสงสัยเกี่ยวกับที่มาของชื่อซีอิ๊วขาวกันแล้วใช่ไหมคะ? เราจะเห็นได้ชัดเลยว่า ซีอิ๊วแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันมากจริง ๆ แต่ไม่ว่าจะแบบไหน ต่างก็ช่วยเสริมรสชาติของอาหารให้ออกมาน่ารับประทานได้ทั้งนั้นเลยค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? กับข้อมูลเกี่ยวกับซีอิ๊วขาวและแนวทางในการเลือกซื้อที่เราได้นำมาฝากกันวันนี้ พอมาคิดดูแล้วมันก็ช่างแปลกประหลาดจริง ๆ เลยนะคะ ทั้งที่ซีอิ๊วขาวเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่คู่ครัวชาวไทยมาตั้งนานแล้ว จนหลายคนคงไม่เคยนึกถึงวิธีการเลือกที่ละเอียดละออแบบนี้เลยด้วยซ้ำ แต่พอเรามาทำการศึกษาค้นคว้าจริง ๆ กลับพบว่ามีซีอิีวขาวรอให้เราลองซื้อไปใช้ในการปรุงอาหารเต็มไปหมดเลย

เราหวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากวิธีการเลือกซีอิ๊วขาวแบบต่าง ๆ ไปไม่มากก็น้อย อย่าลืมนะคะว่า ยิ่งรสชาติของอาหารอร่อยมากเท่าไร กลิ่นหอมมากเพียงใด ก็ยิ่งช่วยให้อาหารน่ารับประทานขึ้นมากเท่านั้นค่ะ ทั้งนี้อย่าลืมใส่ใจในเรื่องของสุขภาพ และอย่าลืมรับประทานสิ่งต่าง ๆ ในปริมาณที่พอเหมาะกันด้วยนะคะ