โคมไฟในห้องนอน ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ทั้งทางกายและใจในช่วงก่อนเข้านอน อีกทั้งยังเป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำกิจกรรมในยามดึกอย่างเช่น การอ่านหนังสือ หลาย ๆ คนจะชอบเปิดโคมไฟเอาไว้ข้างเตียงเพื่ออ่านหนังสือไปเรื่อย ๆ จนง่วง เพื่อเป็นการช่วยให้นอนหลับได้ง่ายและได้รู้สึกผ่อนคลายก่อนนอน แต่การจะเลือกโคมไฟสักอันเอาไว้ตั้งข้างเตียงนั้น ก็มีหลายสิ่งที่เราต้องพิจารณาอยู่เหมือนกัน ทั้งเรื่องฟังก์ชันของแสง การปรับระดับที่พอเหมาะ หรือความปลอดภัยของโคมไฟ เป็นต้น
บทความในวันนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกโคมไฟข้างเตียง ว่ามีจุดใดบ้างที่เราต้องพิจารณา เพื่อให้ได้โคมไฟที่ตรงกับความต้องการในการใช้งานของเรามากที่สุด อีกทั้งในตอนท้าย เรายังมีสินค้าที่ได้จัดอันดับเตรียมเอาไว้ เพื่อแชร์ให้คุณได้มีไอเดียในการเลือกซื้อโคมไฟที่ดีที่สุดและโดนใจมากที่สุดไปอีกด้วย
อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วว่า โคมไฟข้างเตียงนั้นจะช่วยผ่อนคลายก่อนเข้านอนได้ดี ฉะนั้น การเลือกโคมไฟที่จะเอาไว้ช่วยผ่อนคลายในการทำกิจกรรมก่อนนอนนั้น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราจะต้องสังเกต จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย!
หลัก ๆ แล้ว โคมไฟข้างเตียงจะมีให้เลือกด้วยกัน 3 แบบ คือ แบบตั้งโต๊ะ, แบบตั้งพื้น และแบบติดผนัง ซึ่งหลักในการเลือกที่ง่ายที่สุดก็คือ เลือกจากรูปแบบที่เราต้องการ โดยคำนึงถึงจุดที่เราจะวาง และความเหมาะสมในการตกแต่งห้องของเรา
ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหนดี โคมไฟตั้งโต๊ะนี้เป็นทางเลือกหนึ่งที่หลาย ๆ คนนิยมใช้กัน เพราะง่ายต่อการวางและการใช้งาน ด้วยราคาที่ไม่สูงมาก บวกกับคุณสมบัติที่มีแหล่งพลังงานการชาร์จที่หลากหลาย เช่น การชาร์จด้วย USB, เต้าเสียบ, แบตเตอรี่ เป็นต้น เราสามารถเลือกประเภทเฉดสีของหลอดไฟได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ ยังมีโคมไฟแบบที่มีกลิ่น และเสียงเพลงให้ได้เลือกกันอีกด้วย เรียกได้ว่าครบสูตรการผ่อนคลายก่อนนอนกันเลยครับ
โคมไฟแบบขาตั้งพื้นนั้น เป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่ต้องการตกแต่งห้องแนวโมเดิร์นและดูมีสไตล์เก๋ ๆ สามารถวางได้ทั้งมุมห้องหรือบริเวณใดก็ได้ที่ใกล้กับผนังห้อง ทำให้ทั้งห้องนั้นมีแสงสว่างอ่อน ๆ จากมุมนั้น ถือเป็นการช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องของเราให้มีอารมณ์ที่หลากหลาย เหมาะแก่การพักผ่อน และยังช่วยสร้างความโรแมนติกในห้องนั้นด้วย ถือว่าเป็นรูปแบบที่ไม่เลวเลยสำหรับสายแต่งบ้าน
ถ้าเรารู้สึกว่าการวางโคมไฟไว้บนโต๊ะและบนพื้นนั้นไม่เหมาะกับพื้นที่ในห้องของคุณเท่าไหร่ ลองหาโคมไฟแบบติดผนังมาสักอัน เพียงแค่นี้ก็จะทำให้คุณรู้สึกได้ว่าห้องดูมีความสวยงามมากขึ้นไปอีกแบบ แถมยังเพิ่มพื้นที่ว่างให้ภายในห้องอีกด้วย แต่ต้องระวังเรื่องของการติดตั้ง เพราะหากติดตั้งในตำแหน่งที่สูงเกินไป อาจเป็นปัญหาได้เวลาที่จะต้องซ่อมหรือต้องเปลี่ยนหลอดไฟ
เมื่อพูดถึงโคมไฟ แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนต้องการก็คือ แสงไฟ ซึ่งจะมีความอ่อนและสว่างที่ต่างกันไป ทั้งยังมีสีที่แตกต่างกันด้วย เราจึงต้องเลือกแสงและสีให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา
แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้โคมไฟแต่ละอันนั้นมีลักษณะเฉพาะตัวก็คือ รูปร่างและดีไซน์ ซึ่งเราสามารถเลือกรูปร่างหรือดีไซน์ตามที่เราชอบได้ แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้โคมไฟแต่ละอันแตกต่างกันก็คือ ลักษณะของฝาครอบโคมไฟ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นตัวที่กำหนดลักษณะการกระจายของแสง หรืออีกนัยหนึ่งคือ ลักษณะความสว่างของแสงในรูปแบบต่าง ๆ
ฝาครอบโคมไฟนี้ จะมีผลมากในเรื่องปริมาณของแสง หากฝาครอบปล่อยให้แสงสว่างออกมามากเกินไป ก็อาจกลายเป็นสิ่งที่รบกวนการนอนหลับและพักผ่อนของเราได้ ควรเน้นโคมไฟที่ให้แสงสว่างเพียงพอที่ตรงกับความต้องการของเราจะดีที่สุด ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับมุมและตำแหน่งของการวางด้วย
โทนสีของแสงที่ถูกปล่อยออกมาจากหลอดไส้ หรือหลอด LED นั้น แบบออกมาเป็น 3 ประเภทหลัก คือ วอร์มไวท์, เดย์ไลท์ และคูลไวท์ ซึ่งแต่ละโทนสีนั้นจะให้ความรู้สึกที่ต่างกันออกไป
- วอร์มไวท์ เป็นโทนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น, ผ่อนคลาย, สบาย ๆ และออกแนวไปในทางโรแมนติก ซึ่งจะให้ความสว่างไม่มากนัก ลักษณะเป็นแสงสีนวล ๆ ออกสีทองส้ม เหมาะสำหรับการใช้งานในด้านการตกแต่งต่าง ๆ มากกว่าการใช้งานเพื่อความสว่าง เหมาะแก่การใช้ในห้องนอน, ห้องนั่งเล่น, ภายในสวนหลังบ้าน และสถานที่พักผ่อนต่าง ๆ
- เดย์ไลท์ เป็นโทนแสงที่ให้ความสว่างสูง มีโทนสีออกฟ้า ทำให้รู้สึกสดชื่นและแอคทีฟขึ้น เหมาะที่จะใช้ภายในออฟฟิศ, ห้องเรียน, ห้องแต่งหน้า หรือในที่ที่ต้องการแสงสว่างมาก ซึ่งเป็นโทนสีที่นิยมใช้กันมากที่สุด
- คูลไวท์ เป็นโทนสีที่มีทั้งเดย์ไลท์และวอร์มไวท์ผสมอยู่ด้วยกัน จึงมีความสว่างที่ทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง มีชีวิตชีวา เหมาะกับการใช้งานได้ในทุกสถานที่
ห้องนอนนั้นเป็นสถานที่ที่ต้องการความสบายและรีแลกซ์มากที่สุด เพราะฉะนั้น ควรเลือกใช้โทนสีของหลอดไฟที่ทำให้รู้สึกถึงการพักผ่อนอย่างวอร์มไวท์จะดีที่สุด แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของห้องเราด้วยว่าเหมาะแก่โทนสีแบบไหน และปัจจุบัน มีโคมไฟหลายยี่ห้อที่สามารถเปลี่ยนโทนสีของแสงได้หลายสีในตัว
แสงสว่างที่มากเกินไปในช่วงก่อนเข้านอนนั้น ถือเป็นสิ่งที่รบกวนการพักผ่อนและการนอนหลับ ซึ่งจะทำให้สารที่เรียกว่า “เมลาโทนิน” ลดลง ซึ่งเมลาโทนินนี้เป็นสารฮอร์โมนที่หลั่งออกมาเพื่อช่วยควบคุมการนอนหลับและทำให้เราผ่อนคลาย
การที่เราค่อย ๆ ลดแสงสว่างภายในห้องลง ก็จะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและไม่เครียด ดังนั้น การใช้โคมไฟที่มีฟังก์ชันการปรับลดแสงสว่างได้ ก็จะช่วยตอบโจทย์ให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่เราทำได้ดี เพราะแต่ละกิจกรรมนั้นจะมีการใช้แสงที่ต่างกันออกไป เช่น เราสามารถใช้แสงปริมาณมากในขณะที่นอนอ่านหนังสือบนเตียงได้ แล้วค่อย ๆ ปรับแสงลงเมื่ออ่านเสร็จและเตรียมตัวเข้านอน
การเลือกโคมไฟที่สามารถปรับมุมและปรับความสูงได้นั้น จะมีประโยชน์ต่อการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างมาก ตัวอย่างเช่น เวลาที่เราต้องการอ่านหนังสือ แต่มีปริมาณแสงที่มากเกินไป เราสามารถใช้วิธีการปรับมุมของโคมไฟได้ เพื่อไม่ให้สว่างมากจนทำให้สายตารู้สึกอ่อนล้า อีกทั้งยังช่วยไม่ให้รบกวนการนอนหรือการพักผ่อนของคนอื่นภายในห้องได้อีกด้วย
โคมไฟแต่ละขนาด ก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป เนื่องจากจะมีเรื่องของน้ำหนักเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
โคมไฟที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาสำหรับตั้งโต๊ะข้างหัวเตียงนั้น ส่วนใหญ่จะมีแสงไฟที่พอเหมาะกับการใช้งานก่อนนอน ช่วยให้นอนหลับได้สบายขึ้น แต่ด้วยน้ำหนักที่เบาอาจทำให้โคมไฟหล่นจากโต๊ะได้ง่าย จึงควรหาที่วางในตำแหน่งที่เหมาะสมและปลอดภัยในการใช้งาน
ส่วนโคมไฟที่มีขนาดใหญ่และหนัก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแบบตั้งพื้น ซึ่งจะให้แสงสว่างเป็นมุมกว้างได้ดี แต่ด้วยความที่มีน้ำหนักมาก จึงค่อนข้างจะลำบากเวลาจะเคลื่อนย้ายหรือขยับตำแหน่งในการทำความสะอาดพื้นห้อง
และสุดท้าย สิ่งสำคัญที่เราต้องดูก่อนเลือกซื้อก็คือ ความปลอดภัย ควรเลือกโคมไฟที่มีตัวตัดไฟเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างไฟตก และควรมีตัวที่ช่วยปรับอุณหภูมิ เพื่อป้องกันไม่ให้หลอดไฟมีความร้อนมากเกินไปจนอาจทำให้เกิดเหตุไฟไหม้ได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีโคมไฟจำนวนมากที่ใช้แบตเตอรี่ ซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับคุณ
ต่อไปก็ถึงเวลาแชร์ 10 อันดับโคมไฟข้างเตียงที่น่าสนใจกันแล้ว จะมีแบบไหนเข้าตาคุณบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยครับ
เริ่มต้นกันที่โคมไฟ LED ที่มีดีไซน์ทันสมัยมาก ใช้วัสดุพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถหมุนแกนหลอดไฟได้ 40 องศาทำให้ปรับระดับของโคมไฟได้ ใช้การเชื่อมต่อด้วยสาย USB ต่อเข้าได้ทั้งพาวเวอร์แบงค์ และแล็ปท็อปต่าง ๆ มีฟังก์ชันในการปรับลดระดับของแสงถึง 3 ระดับ ทำให้สามารถเลือกโทนสีที่ตรงกับการใช้งานของเราได้ ตัวโคมไฟนั้นจะใช้วิธีการสัมผัสเพื่อเปิด – ปิด หรือปรับระดับแสง สามารถชาร์จแบตได้เต็มในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เหมาะสำหรับการใช้ในการพักผ่อนในห้องนอนหรือใช้ตกแต่งห้องก็ได้
มาที่โคมไฟประเภทตั้งพื้นกันบ้าง รุ่นนี้มาด้วยดีไซน์สไตล์ญี่ปุ่นที่มีรูปทรงสวยงามไม่เหมือนใคร วัสดุของตัวโคมนั้นเป็นผ้ากระดาษข้าว ส่วนตัวโครงเป็นเหล็กเคลือบสี ฐานโคมไฟทำมาจากพลาสติกโพลีเอทิลีนและคอนกรีต จึงแข็งแรงทนทานอย่างแน่นอน มีสายไฟยาวถึง 2.2 เมตร จึงสามารถใช้งานได้สะดวกทุกมุมห้อง มีแสงสว่างนุ่มนวล ทำให้รู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย เหมาะแก่การใช้อ่านหนังสือและพักผ่อน ด้วยสไตล์ที่เก๋แบบนี้ รับรองว่าตกแต่งห้องได้ลงตัวสุด ๆ ไปเลยครับ
มาที่โคมไฟแบบติดผนังกันบ้าง รุ่นนี้มาด้วยดีไซน์ที่สุดแสนจะคลาสสิก ช่วยสร้างบรรยากาศห้องให้ดูอบอุ่น สบาย น่านอนมาก ๆ และยังสามารถเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ได้ทุกรูปแบบ แบบมินิมอลก็ได้ แบบวินเทจก็ดี ที่สำคัญ ตัวโคมปรับได้ เพื่อส่องไฟไปยังจุดที่ต้องการ ตัววัสดุที่เป็นโครงใช้เหล็กและเคลือบอะคริลิคอย่างดี ส่วนตัวฝาครอบเป็นโพลีเอสเตอร์ 100% จึงมีความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน แต่ข้อเสียคือ อาจจะต้องเสียเวลาในการติดตั้งเพราะต้องเจาะติดผนังเพื่อเดินสาย
โคมไฟขนาดเล็กกะทัดรัดที่มีความสวยงามโดดเด่นด้วยหินเกลือหิมาลัย ไม่เพียงแค่ช่วยตกแต่งห้องของเราให้สวยงามแบบธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประจุลบในอากาศ ทำให้ภายในห้องมีอากาศบริสุทธิ์มากขึ้น ทั้งยังช่วยลดความเครียดและผ่อนคลายได้ดี มีสวิตช์สำหรับเพิ่ม-ลดแสงไฟเพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก สามารถชาร์จและเชื่อมต่อได้ด้วยสาย USB จึงใช้งานได้ในทุกสถานที่ ทำจากเป็นวัสดุหินแท้ซึ่งมีความทนทานสูง สามารถใช้งานได้ยาวนานอีกด้วย
โคมไฟไร้สายที่มาพร้อมกับอิโมจิสุดน่ารัก ที่มาให้คุณเลือกซื้อได้แบบหลากหลายอารมณ์ ทั้งหน้ายิ้ม หน้าหงุดหงิด เรียกได้ว่าอินเทรนด์สุด ๆ รุ่นนี้ปรับลดแสงได้ และชาร์จแบตได้ด้วยสาย USB ทั้งยังสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 10 – 15 ชั่วโมงหากแบตเต็ม นอกจากนี้ การใช้งานก็ง่ายดาย เพียงแค่นำมือมาสัมผัสบนโคมไฟก็สามารถเปิด – ปิด และปรับลดแสงไฟได้ มีน้ำหนักเบา ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็สามารถพกไปกับเราได้สบาย
โคมไฟ LED ไฮเทคอีกตัว ที่มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวต่าง ๆ เพื่อการเปิด – ปิดแสงไฟ เป็นการช่วยประหยัดพลังงานและแบตเตอรี่ได้ดี ทั้งยังช่วยยืดช่วงอายุการใช้งานไปได้ยาวนานขึ้น มีระยะการเปิดแสงไฟอยู่ที่ 6 ฟุต และจะปิดไฟลงเมื่อตัวเซนเซอร์นั้นไม่ได้รับการเคลื่อนไหวในเวลา 15 – 20 วินาที มีโทนสีที่เหมาะแก่การพักผ่อนและการผ่อนคลาย ใช้ได้ทั้งห้องนอน, ห้องครัว, ห้องน้ำ หรือแม้กระทั่งการไปตั้งแคมป์ตามป่าเขาก็สามารถนำไปใช้ได้ เพราะพกพาได้สะดวก
โคมไฟแบบตั้งพื้นอีกตัวที่ทำจากวัสดุเหล็กอย่างดี มีสไตล์แบบเรียบง่ายด้วยสีดำ แต่แฝงด้วยความหรูแบบโมเดิร์น จุดเด่นคือ ตัวโคมไฟสามารถปรับระดับและปรับทิศทางของแสงไฟได้ และหัวของโคมไฟนั้นยังหมุนได้ถึง 330 องศา รวมถึงมีแกนที่พับได้ 180 องศา ใช้การเปิด-ปิดด้วยสวิตช์ สามารถนำมาตกแต่งห้องได้ดีเพราะเข้ากับเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ได้ง่าย ช่วยสร้างบรรยากาศในห้องด้วยไฟสีขาว และสีเหลืองนวลอบอุ่นซึ่งเหมาะสำหรับการอ่านหนังสืออีกด้วย
โคมไฟไร้สายจาก Xiaomi ที่มาด้วยดีไซน์สวยงามทันสมัย มาพร้อมความพิเศษที่สามารถใช้โทรศัพท์ iPhone, iPad หรือ Smartphone ต่าง ๆ ให้เป็นรีโมทเพื่อควบคุมการทำงานของโคมไฟได้ ทั้งการเปิด – ปิด และการปรับลดระดับความสว่าง หรือแม้แต่การเปลี่ยนโทนสีของแสงได้ตามความต้องการของเราเลย ที่สำคัญ มีฟังก์ชันเพิ่มแสงในเวลากลางคืนให้ส่องสว่ากว่าโคมไฟทั่วไปได้ถึง 400 ลูเมน มีขนาดกะทัดรัด พกพาหรือเคลื่อนย้ายได้สะดวก และด้วยรูปทรงที่สวยงามจึงใช้ตกแต่งห้องเพื่อสร้างบรรยากาศให้อบอุ่นได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งรุ่นยอดฮิตที่อยากแนะนำ โคมไฟที่มีการออกแบบในสไตล์โมเดิร์นสุด ๆ ด้วยรูปแบบของแม่เหล็ก เคยได้รับรางวัลด้านการดีไซน์ Reddot Award 2016 มาแล้ว มีไฟ LED ถึง 48 ดวง จึงให้ความสว่างอย่างเพียงพอ ทั้งยังใช้วัสดุที่มีความมั่นคงจึงใช้งานได้ยาวนาน วิธีการเปิดไฟนั้นอาจจะฟังดูแปลก คือ เปิดได้ด้วยการยกแม่เหล็กเส้นล่างให้มาแตะกับแม่เหล็กเส้นข้างบน แต่รับรองว่าใช้งานง่าย สะดวกแน่นอน มีให้เลือกถึง 2 สี คือ สีขาวและสีดำ บอกเลยว่าสายอาร์ตที่ชอบตกแต่งต้องห้ามพลาดรุ่นนี้!
โคมไฟแบรนด์อินเตอร์จาก Blitzwolf ที่ถูกออกแบบมาเป็นระบบสัมผัส มีความทนทานต่อการใช้งานสูงเพราะตัวพลาสติกด้านนอกทนต่อความร้อนได้ดี ทั้งยังช่วยปกป้องสายตาจากความเมื่อยล้า ด้วยโหมดไฟอัจฉริยะหลากสีที่ปรับตามระยะเวลาการใช้งานได้ อีกทั้งยังสามารถปรับโทนสีได้ตามจุดประสงค์การใช้ และใช้งานได้ยาวนานถึง 72 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ด้วยสาย USB เหมาะแก่การใช้งานทั้งในการอ่านหนังสือและการพักผ่อนเลย
เต็มอิ่มกันแล้วกับข้อมูลการเลือกโคมไฟข้างเตียง รวมถึงการแนะนำโคมไฟที่เป็นที่นิยมทั้ง 10 อันดับที่ทางทีมงานมายเบสท์นั้นได้รวบรวมมาจากทั้งยอดการซื้อสินค้าและการรีวิวจากชาวเน็ต หวังว่าหลาย ๆ คน คงจะมีสินค้าที่ถูกใจกันไปบ้างแล้วนะครับ
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า! สิ่งสำคัญของการเลือกโคมไฟหลัก ๆ แล้วนั้นก็คือ การเลือกสิ่งที่ตรงกับความต้องการในการใช้งานของเราเองมากที่สุด ต่อจากนั้นก็จะเป็นเรื่องย่อย ๆ ออกไปทั้งฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ รวมไปถึงเรื่องความสวยงาม นอกจากนี้แล้ว อีกหนึ่งประเด็นที่ละเลยไม่ได้เลย คือ การคำนึงถึงความปลอดภัยของโคมไฟ ทั้งเรื่องวัสดุและการใช้งานด้านไฟฟ้า ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เราอุ่นใจและรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่เปิดใช้งาน